ตอนแรกก็เสียวๆ อยู่เหมือนกัน แถมโดน บิลเบา ขึ้นนำก่อน 1-0 อีกตะหาก สุดท้าย แมนยูไนเต็ด กะซวกทีเดียว 4 ดอกเน้นๆ ชนะไปด้วยสกอร์รวม 6+1 – 1
และต่อไปคือสิ่งที่ผมเห็นจากการนั่งติดขอบสนาม โอลด์ แทรฟฟอร์ด
1. บรรยากาศในค่ำคืนยุโรปสุดยอดมาก กองเชียร์ทีมเยือนเสียงดังมาก แถมร้องกันไม่หยุด ขณะที่ เรด อาร์มี่ ก็ไม่ยอมน้อยหน้า มีทั้งป้ายผ้า และพลุควันคละคลุ้ง
ได้อารมณ์ และความรู้สึกยิ่งนัก
2. เรียนตามตรงว่าเห็นวิธีการเล่นของ บิลเบา แล้วผิดคาด เพราะคิดว่าพวกเขาจะมาแบบ ‘หมาจนตรอก’ ไม่มีอะไรจะเสีย ด้วยการบีบสูงพลางบดบี้เร็วแล้วบอมบ์เข้าใส่
ที่ไหนได้กลับกลายเป็นการบุกแบบกล้าๆ กลัวๆ ขณะที่เจ้าบ้านเน้นเกมรัดกุม และระมัดระวัง
ที่ผมชอบมากคือไม่มีเซ็ตบอลขึ้นเกมจากในแดน เพราะกูเสียว แต่ใช้วิธีหวดตูมเดียวยาวๆ จากหน้าประตูไปเลย
3. เวลาผ่านไป 25 นาที สกอร์ยัง 0-0 เกมรุกของทีมเยือนไม่ได้น่าหวาดหวั่นอะไร ไม่ได้ขึงเกมบุกกดดันอยู่ข้างเดียว ไอ้เราก็สบายใจ
ทันใด แฮร์รี่ แม็กไกวร์ ก็สร้างคอนเทนต์ ด้วยการจ่ายบอลให้คู่แข่งจนนำมาซึ่งประตูนำ 1-0 ของทีมจากแคว้นบาสก์…ซะอย่างนั้น
อารมณ์นั้น จิตใจชักไม่ปกติ อาการฟุ้งซ่านเริ่มมาเยือนพลางแสยะยิ้มให้อย่างสยดสยอง
ถ้าทะลึ่งโดนอีกดอกนะ ชิบหายแน่
4.ช่วงต้นครึ่งหลัง ผู้มาเยือนเพิ่มระดับการเล่นเกมรุกให้สูงขึ้นจนกด แมนยูไนเต็ด อยู่ข้างเดียว
ยังดีที่เกมรุกของ บิลเบา ไม่ได้มีประสิทธิภาพอะไรมากมาย ขณะผมได้แต่ภาวนาให้เวลาผ่านไปเร็วๆ
กระทั่ง รูเบน อโมริม แก้เกมด้วยส่งตัวสำรองอย่าง อาหมัด ดิยัลโล่ กับ ลุค ชอว์ รวมถึง เมสัน เมาต์ ลงมา
เกมดีขึ้นทันตาเห็น ก่อนผู้เล่นหมายเลข 7 จะยิงประตูตีเสมอ
แมนยูไนเต็ด ผ่านเข้าชิงฯ แน่นอน ตั้งแต่นาทีนั้น
5.พอถูกตีเสมอเป็น 1-1 แอธเลติก คลับ ก็ยอมยกธงเรียบร้อยแบบไม่หวังพึ่งปาฏิหาริย์ใดๆ ก่อนพลพรรคปีศาจแดงจะฉวยโอกาสที่คู่แข่งถอดใจบุกขย่ม และโขยกใส่แบบไม่ยั้งหยุดจนได้มาอีกถึง 3 ดอก
แมนยูไนเต็ด ในถ้วยเล็กยุโรปแตกต่างจากในพรีเมียร์ลีกอย่างสิ้นเชิง
ถึงตอนนี้ลงเล่นไปแล้ว 14 นัด กระหน่ำไปทั้งหมด 35 ดอก – คิดเอา 55555